วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

การบริการบนอินเทอร์เน็ต


(วิธีการเหล่านี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น สำหรับผู้ที่สนใจจะขายของบนเว็บ และยังไม่เคยมีความรู้
หรือประสบการณ์ในการขายของบนเว็บมาก่อนเลย)
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ที่สนใจการค้าขายสินค้าผ่าน internet
หรือที่เรียกว่า e-commerce นั่นเอง
ตั้งใจไว้นานแล้วว่า อยากจะเขียนให้เพื่อน ๆ ที่สนใจจะขายสินค้าออนไลน์ ได้เข้ามาลองอ่านกัน เป็นประสบการณ์จริงของผมเอง และความรู้จากการค้าขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทย
อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ บ้าง ไม่มากก็น้อย แต่อย่างนึงก็คือ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจจะขายสินค้าออนไลน์จริง ๆ ผมก็คิดว่าบทความนี้ คงเป็นประโยชน์กับคุณแน่นอนครับ
สำหรับตัวผมเอง ครั้งหนึ่ง ผมก็เคยคิดว่า การขายของผ่านอินเตอร์เน็ตนั้น มันเป็นไปได้หรือ? จะทำได้ยังไง? แล้วมันขายได้เยอะจริง ๆ หรือ?
ผมขอจำแนกเป็นเรื่อง ๆ ดีกว่า จะได้ไม่สับสน
หัวข้อที่ผมจะพูดถึง มีดังต่อไปนี้
  1. อยากเปิดร้านขายของบนเว็บ ทำยังไง? จำเป็นไหมต้องทำเว็บเองเป็น หรือต้องจ้างคนเขียนเว็บ?
  2. มีเว็บขายสินค้าแล้ว จะทำยังไงให้คนเข้ามาในเว็บร้านค้าของเรา?
  3. คนเข้ามาในเว็บเราแล้ว แต่ไม่ยักกะซื้อสินค้าแฮะ? เพราะอะไรหนอ?
  4. การขายสินค้าออนไลน์ มีปัญหาอะไรบ้าง?
เอาหลัก ๆ 4 หัวข้อก่อนแล้วกัน เพราะถ้าเยอะเกินไป เดี๋ยวจะซับซ้อน แล้วจะงงกันเปล่า ๆ

1. อยากเปิดร้านขายของบนเว็บ ทำยังไง? จำเป็นไหมต้องทำเว็บเองเป็น
หรือต้องจ้างคนเขียนเว็บ?


จริง ๆ แล้ว การขายของผ่านอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันทำได้ง่ายกว่าในสมัยก่อนมากครับ
ยิ่งเดี๋ยวนี้ Technology และการแข่งขันที่สูงขึ้น ก็ยิ่งสร้างโอกาสให้คุณสามารถมีร้านค้าออนไลน์ได้ง่าย
ๆ เลยทีเดียว ฉนั้น เรื่องของการเปิดร้านขายของนั้น ผมว่า คุณไม่น่าซีเรียสนักหรอกครับ
เทียบกับสมัยก่อนแล้ว การทำเว็บขายของ ถ้าเขียนโปรแกรมไม่เป็น ต้องจ้างคนทำอย่างเดียวเลย
ถ้าถามว่า จำเป็นไหม ต้องทำเว็บเป็น หรือต้องจ้างคนมาเขียนเว็บ?
ผมขอตอบดังนี้ครับ >> หากคุณยังไม่ได้ทำธุรกิจค้าขายสินค้าออนไลน์ที่เป็นรูปแบบเต็มตัวอย่าง amazon.com ผมคิดว่าในตอนเริ่มแรกนั้น คุณไม่น่าจะจำเป็นต้องจ้างคนเขียนเว็บ ยกเว้นแต่ว่า คุณมีความสามารถในการทำเว็บเองได้ สามารถเขียนโปรแกรมเว็บได้ด้วยตัวเอง ที่สำคัญ ออกแบบเว็บให้สวยได้ด้วยตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณอยากจะทำเองก็ได้ครับไม่มีปัญหาอะไร (ดีซะอีกด้วย เพราะสามารถปรับแต่งให้เป็นไปในแบบที่คุณต้องการได้ โดยเฉพาะคนที่มีหัวทางด้านการออกแบบก็ยิ่งไปได้สวยเลย)
แต่สำหรับคนที่ทำเว็บไม่เป็น แต่อยากขายของ ซึ่งคุณเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ทำไปแล้วจะประสบความสำเร็จสักแค่ไหน ในแรกเริ่มต้น ผมแนะนำว่า ให้ลองหาเว็บสำเร็จรูปดี ๆ ซักเว็บ แล้วลงสินค้าที่คุณต้องการขายดู
สาเหตุที่ผมแนะนำแบบนี้ เพราะผมเอง เคยมีประสบการณ์ในการทำเว็บขายของด้วยตัวเองมาก่อน
และผมรู้เลยว่า ถ้าจะทำระบบให้สมบูรณ์แบบนั้น ค่อนข้างใช้เวลานานเลยทีเดียว กินเวลาเป็นเดือน
(โดยเฉพาะคนที่มีงานประจำทำอยู่แล้ว) กว่าจะเสร็จ ก็เหนื่อยเอาการทีเดียว ซึ่งพอผมทำเว็บเสร็จ
เริ่มขายของผ่านเน็ตจริง ๆ ผมก็พบว่า จุดสำคัญของการขายสินค้าผ่านเน็ตนั้น ไม่ได้อยู่ที่เว็บสวย
ดีไซนด์ดีเพียงอย่างเดียว แต่จุดสำคัญของการขายสินค้าผ่านเน็ตคือ “สินค้า
และ “ลูกค้า” ครับ
การสมัครเพื่อลงโฆษณาขายสินค้าในเว็บร้านค้าสำเร็จรูป อาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากบ้าง แต่ว่า ยังไงซะก็ง่ายกว่านั่งเขียนเว็บด้วยตัวเองเป็นร้อยเท่าเลยจริง ๆ (อันนี้ผมฟันธงเลย)
เพราะถ้าเราทำให้สมบูรณ์จริง ๆ ก็ต้องทำระบบบันทึกข้อมูลสินค้า ข้อมูลตรวจเช็กการสั่งซื้อ ข้อมูลลูกค้า.. ฯลฯ เยอะแยะมากมาย คิด ๆ แล้ว ไม่คุ้มแรงเลยจริง ๆ แต่ถ้ามองว่า จะไปจ้างคนเขียนเว็บให้มีระบบต่าง ๆ เหล่านี้ ผมประเมินคร่าว ๆ เลยว่า น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท
นอกจากนี้เว็บร้านค้าสำเร็จรูปบางแห่ง จะทำรูปแบบเว็บของตนเป็นแบบ shopping mall online โดยจะรวบรวมสินค้าจากร้านค้าต่าง ๆ มารวมเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้คนที่สนใจในสินค้าหมวดนั้น ๆ ได้เข้าไปเลือกหาซื้อสินค้าที่ตนต้องการได้ ก็จะทำให้เว็บร้านค้าของคุณ มีโอกาสที่ลูกค้าจะแวะเข้าไปหา โดยที่คุณไม่ต้องไปโฆษณาโปรโมทที่ไหนเลยก็มี ทำให้นอกจากคุณจะมีเว็บร้านค้าของคุณแบบง่าย ๆ แล้ว คุณอาจจะมีลูกค้ารอซื้อสินค้าของคุณอยู่เลยก็ได้
เว็บร้านค้าออนไลน์ตอนนี้ มีหลายเจ้ามากเลยครับ สุดแท้แต่คุณจะเลือก หากคุณสนใจจะเปรียบเทียบว่าจะใช้เว็บร้านค้าออนไลน์เจ้าไหนดี? ผมแนะนำให้คุณลองเข้า www.google.com แล้วพิมพ์ว่า ” ฟรี ร้านค้าออนไลน์ ” หรือ ” เว็บสำเร็จรูป ” หรือ “เปิด ร้านค้า ออนไลน์ ” เดี๋ยวก็มีขึ้นมาให้คุณเลือกเพียบเลยครับ ซึ่งเว็บร้านค้าออนไลน์เหล่านี้ จะมีข้อจำกัดอะไรบ้าง ก็ควรอ่านดูให้เรียบร้อย ลองเช็กดูหลาย ๆ เจ้าก่อน ค่อยตัดสินใจอีกทีก็ไม่สายครับ
หรือถ้าคุณสนใจ จะลองเข้าไปใช้บริการฟรี ๆ ที่เว็บของผมดูก่อนก็ได้ครับ http://www.sabuyjaishop.com
ก็เป็นเว็บร้านค้าสำเร็จรูป ที่มีรูปแบบสวยงาม ใช้งานง่าย อีกทั้งถ้ามีปัญหาหรือข้อสงสัยในระบบ
หรือต้องการระบบเพิ่มเติม ก็สอบถามผมซึ่งเป็น webmaster ได้ตลอดเวลา
เว็บร้านค้าออนไลน์แต่ละเจ้า จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป หากคุณได้ลองใช้แล้ว ก็จะรู้ถึงข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้
สิ่งสำคัญที่อยากให้จำไว้ก็คือ ความสำเร็จจากการขายของออนไลน์ บางครั้งไม่ใช่ที่เว็บนั้น
ทำขึ้นมาสวยงาม เป็นของเราเอง แต่จุดสำคัญของการขายนั้น นอกจากความสวยงาม ก็คือ
ตลาด หรือ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา
และ “สินค้า” ที่คุณขายนั่นเอง
เพราะว่า เว็บสวย… แต่สินค้าไม่โดนใจตลาด หรือ มีเว็บ แต่ไม่มีคนเข้ามาซื้อ ก็เรียกว่า
ไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดีครับ
โฟกัสให้ถูกจุดนะครับ
การที่ผมบอกว่า อยู่ที่ “สินค้า” และ “ลูกค้า” นั่นก็เพราะว่า ถ้าเราเปิดร้านขายของ แต่โปรโมทเว็บให้กับกลุ่มลูกค้าผิดประเภท เว็บคุณก็อาจจะขายอะไรไม่ได้เลยก็ได้ หรือแม้แต่ตัวสินค้าเองก็ตาม ถ้าสินค้าที่เรานำมาขายนั้น เราอาจจะคิดว่าคนอื่นน่าจะชอบ น่าจะขายได้ แต่พอขายจริง ๆ แล้ว กลับขายไม่ดีอย่างที่คิด ในขณะที่บางคนก็คิดว่า ต้องขายเฉพาะ สินค้า Entertainment หรือ “สินค้าเถื่อน” เช่น VCD MP3 เท่านั้น ถึงจะขายผ่านเน็ตได้ สิ่งเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิดถนัดครับ สินค้าที่ขายผ่านเน็ตนั้น มีมากมายที่ขายได้จริง (เช่น สินค้า Fashion , Books ฯลฯ ) ขอเพียงแค่คุณโปรโมทให้ถูกกลุ่มเป้าหมายแค่นั้น คุณก็สามารถขายสินค้าของคุณได้อย่างแน่นอน
————————————————————————————————————————————
2. มีเว็บขายสินค้าแล้ว จะทำยังไงให้คนเข้ามาในเว็บร้านค้าของเรา?
หลายครั้งเลยทีเดียว ที่ผมเห็นคนที่เปิดร้านขายสินค้าออนไลน์ พอเปิดขึ้นมาแล้ว ก็งง ๆ ไม่รู้จำทำยังไงต่อไป??? … นั่นสิ? ทำยังไงล่ะ? ผมเองก็เคยมีคำถามนั้นเหมือนกัน นั่งเขียนเว็บเป็นเดือน ๆ กว่าจะถ่ายภาพสินค้าเสร็จ กว่าจะเอาภาพสินค้ามาแต่ง กว่าจะเอาภาพขึ้นเว็บ กว่าจะเขียนรายละเอียดสินค้า ฯลฯ เหนื่อยมาก พอทำเว็บเสร็จ แสนจะดีใจ… แต่ก็แค่นั้นครับ พอเปิดเว็บได้แล้ว ก็ต้องมานั่งคิดต่อว่า จะทำไงต่อดีล่ะ? ใครจะเข้ามาดูเว็บผม? หรือว่า google จะเข้ามาหาเว็บผมเองรึ? หรือว่าลูกค้า search จาก google จนมาเจอเรารึ? ตอนนั้น ผมก็คิดได้ตื้น ๆ แค่นั้นจริง ๆ ครับ จากนั้นก็คิดเยอะขึ้นมาอีกนิด… อืม.. ผมน่าจะลองไปโพสตามเว็บดัง ๆ อย่าง sanook หรือ pantip… ซึ่งมีคนเข้ามาที่เว็บเยอะแยะ น่าจะมีคนเห็นข้อความเราแล้วก็เข้ามาดูเว็บเราบ้าง…
ผมเชื่อเลยว่า ต้องมีหลายคนทีเดียวที่คิดแบบนี้… แต่ที่แน่ ๆ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เปิดเว็บไว้เฉย ๆ คงไม่มีคนรู้จักเว็บเราเป็นแน่ ฉนั้น หากคุณคิดจะขายของบนเน็ต คุณก็ต้องรู้จักวิธีการโปรโมตเว็บครับ
ในส่วนนี้ ผมเลยอยากจะอธิบายหลักการโปรโมตเว็บ ที่ผมและอีกหลาย ๆ ร้านค้าออนไลน์ เคยใช้กันมา ให้ลองใช้ดูครับ ได้แก่
  1. ลองไปลงโฆษณาตามเว็บที่ให้คุณประกาศซื้อ - ขายสินค้าได้
    ซึงเว็บเหล่านี้ จะแยกหมวดสินค้าเอาไว้ เพื่อให้คนที่ต้องการสินค้าในหมวดนั้น
    ๆ ได้เข้ามาเลือกหาสินค้าที่ต้องการ แล้วก็ทำให้มีโอกาสที่จะมาเจอประกาศโฆษณาขายสินค้าของคุณเองก็ได้
    โดยเว็บประกาศขายสินค้าในปัจจุบันนี้ มีมากมายจริง ๆ หากคุณอยากรู้จักว่า มีที่ไหนบ้าง?
    ก็ลองเข้า google แล้วพิม์ “ประกาศ ซื้อ ขาย สินค้า” หรืออะไรประมาณนี้
    เดี๋ยวก็ขึ้นมาเพียบเลยครับ แนะนำให้เลือกเว็บที่ดัง ๆ หน่อย จะมีคนเห็นโฆษณาของคุณเยอะขึ้นครับ
    เช่น www.pantipmarket.com,
    http://classified.sanook.com,
    http://market.mthai.com,

    ฯลฯ การโฆษณานี้ ไม่จำเป็นต้องลงอยู่เพียงที่เดียว การลงหลาย ๆ ที่จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ลูกค้า
    เข้ามาในเว็บร้านค้าของคุณมากขึ้น ลองดูนะครับ
  2. ลองหาเว็บที่ขายของลักษณะเดียวกัน แล้ว “ขอแลก Link” กับเว็บร้านค้าต่าง
    ๆ เหล่านั้นดูครับ การแลกเปลี่ยน Link นั้น เราควรจะแลกกับเว็บร้านค้าที่ขายแบบจริง
    ๆ จัง ๆ มีการทำตลาดดี ๆ ซึ่งแน่นอน ก็เป็นเหมือนร้านค้าต่างพึ่งพากัน ลูกค้าของร้านนี้
    อาจจะเป็นลูกค้าในอนาคตของเราก็ได้ หรือไม่ก็ เขาอาจจะแนะนำให้คนอื่นแวะเข้ามาหาซื้อสินค้าในเว็บของคุณในอนาคตก็ได้
  3. หากคุณมั่นใจว่า สินค้าของคุณ เป็นที่ต้องการของคนอื่น ๆ แน่นอน สามารถขายได้
    มีกำไร ผมอยากแนะให้คุณ ซื้อ “ตำแหน่งโฆษณาพิเศษ” ในเว็บประกาศดัง
    ๆ ครับ ทั้งนี้ ให้คุณลองคำนวณดูว่า ค่าใช้จ่ายที่เสียไปแล้วนั้น หากเป็นรายได้กลับคืนมา
    จะได้คุ้มกับที่เสียไปไหม? บางครั้ง เราอาจจะคิดว่า ค่าโฆษณาดูแพง แล้วไม่อยากลงทุนในจุดนี้
    แต่ผมอยากให้มองกลับกันครับ ให้นึกว่า การจ่ายเงินตรงนี้ ถือเป็นการลงทุนอย่างนึง
    ผมเชื่อ และเคยพบเห็นมาหลายครั้งแล้วว่า ร้านค้าต่าง ๆ ที่เสียเงินโฆษณานั้น
    เขาขายได้มากขึ้นจริง ๆ และรายได้ที่ได้นั้น มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไป ถือเป็นการลงทุนที่คุ้ม
    เพราะลูกค้าจะแวะมาเข้าร้านมากขึ้น และลูกค้าเหล่านี้ อาจจะไม่ได้ซื้อกับเราแค่ครั้งเดียว
    แต่ในอนาคต เขาอาจจะแวะกลับมาซื้อสินค้าในร้านคุณอีกก็ได้
  4. ในระยะยาวแล้ว หากคุณอยากให้เว็บของคุณมีคนเข้ามาเรื่อย ๆ และมากขึ้น นอกจากการโฆษณาฟรี
    หรือโฆษณาพิเศษแบบเสียเงิน อีกทางหนึ่งของการโฆษณาที่ได้ผลคือ การทำให้เว็บของคุณ
    ติดอันดับอยู่ใน Search Engine ดัง ๆ อย่าง Google เพราะจะทำให้คนค้นหาสินค้าของคุณแล้วเจอง่าย
    ๆ และเพิ่มโอกาสทางการขายของคุณให้มากขึ้นอีกด้วย การทำเว็บให้ติดอันดับใน google
    นั้น หลาย ๆ ท่านมักเรียกวิธีนี้ว่า “การทำ SEO
    หรือ “Search Engine Optimization
    โดยขั้นตอนและวิธีการทำ SEO นั้น คุณสามารถหาอ่านบทความต่าง ๆ อย่างคร่าว ๆ ได้ทางเน็ตครับ
    เข้า google แล้วพิมพ์ “การทำ SEO” หรืออะไรประมาณนี้ เดี๋ยวก็ขึ้นมาให้คุณได้ศึกษาคร่าว
    ๆ เพียบเลยครับ เอาไว้มีเวลา ผมจะมาเขียนบทความการทำ SEO กับการขายของผ่านเน็ตอีกทีครับ
ที่กล่าวมา 4 ข้อข้างต้นนั้น เป็นวิธีทั่ว ๆ ไปที่ใช้กัน และค่อนข้างได้ผลทีเดียว
ความสำเร็จ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในวัน หรือ 2 วัน อาจจะกินเวลามากกว่านั้น แต่เชื่อเถอะว่า
ถ้าคุณทำ โอกาสสำเร็จก็มีไปกว่าครึ่งแล้วครับ
จะทำเว็บให้เป็นที่รู้จักนั้น เราต้องไม่ขี้เกียจครับ เจียดเวลาซักนิด โปรโมทมาก
ๆ หน่อย เพื่อยอดขายที่ดีในอนาคตครับ
————————————————————————————————————————————
3. คนเข้ามาในเว็บเราแล้ว แต่ไม่ยักกะซื้อสินค้าแฮะ?
เพราะอะไรหนอ?

นี่ก็เป็นอีก 1 ในหลาย ๆ ปัญหาที่คนขายของผ่านเน็ตมักพบเจอ
การที่ลูกค้าเข้ามาในเว็บแล้วไม่ซื้อสินค้านั้น เกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่อไปนี้
  • ร้านค้าดูไม่น่าเชื่อถือ
  • สินค้าดูไม่น่าสนใจ
ร้านค้าดูไม่น่าเชื่อถือนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเลย
เช่น

  1. เว็บร้านค้าดูไม่สวย การจัดวางหน้าเว็บดูมั่วไปหมดจนไม่อยากจะดูหน้าถัดไป
  2. เว็บนั้นไม่มีการ update อะไรเลย เคยเข้ามาเมื่อ 3 เดือนก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น
    ทำให้ไม่แน่ใจว่า เว็บนี้ยังมีตัวตนอยู่ หรือว่าเว็บร้าง
  3. ไม่มีคำแนะนำ อธิบาย วิธีการใด ๆ เลย เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
    ก็ไม่รู้ว่าจะถามใครได้? ถึงแม้ว่าเราจะเตรียม email ให้เขาติดต่อก็ตาม… แต่เชื่อเถอะว่า
    การสอบถามทาง email นั้น บางครั้งก็ไม่ได้ดึงดูดใจให้คนคลิกเพื่อพิมพ์ไปสอบถามซักเท่าไหร่นักหรอก
  4. ความไม่น่าเชื่อถือของร้านนั้น นอกจากที่กล่าวมา อาจจะเกิดขึ้นได้กับกรณีที่ลูกค้าเก่าที่ไม่ประทับใจในสินค้าหรือบริการ
    นำไปโพสด่าว่าในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ซึ่งเชื่อเถอะว่า เดี๋ยวนี้ คนซื้อสินค้าบางคน
    เขาก็ search ข้อมูลร้านของคุณก่อนจะสั่งซื้อสินค้า โดยเอาชื่อร้านไป search
    ใน google ดูว่า ประวัติร้านนี้เป็นไงมั่ง? เคยมีใครโดนร้านค้านี้หลอกหรือไม่?
    ที่พูดมาเช่นนี้ เพราะผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า ถ้าเราต้องการขายสินค้าใด ๆ ก็ตาม
    การบริการต้องมาเป็นอันดับแรก ถ้าบริการดี ลูกค้าก็จะไปพูดบอกต่อ แต่ถ้าบริการแย่
    แม้เพียงครั้งเดียว ก็อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์แย่ ๆ ตามมาภายหลังได้
วิธีการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้านั้น สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
  1. ปรับเปลี่ยนร้านให้ดูเป็นระเบียบ จัดวางสินค้าในตำแหน่งที่ดี หมั่นปรับเปลี่ยนหน้าร้านสม่ำเสมอ
  2. การเขียนบทความ หรือข่าวสาร ให้ลูกค้าได้อ่านบ้าง โดยข่าวสารนั้น อาจจะเป็นข่าวสารดี
    ๆ เกี่ยวกับวิธีการเลือกซื้อสินค้าที่คุณขาย หรือวิธีการใช้สินค้าอย่างถูกวิธี
    ฯลฯ ซึ่งบางครั้งข่าวสารเหล่านี้ก็ทำให้ร้านค้าของคุณดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
  3. ควรมีระบบเว็บบอร์ด ที่มีการพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ (อย่าปล่อยให้เว็บบอร์ดร้าง
    หรือไม่มีข้อความใด ๆ เลย เพราะลูกค้าอาจจะคิดว่าเว็บนี้ไม่ดี เพราะไม่มีใครมาพูดคุยอะไรในเว็บบอร์ดซักคน)
    เชื่อผมเถอะว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามา ก็อยากจะเห็นว่าเว็บของคุณ เคยมีคนมาซื้อสินค้า
    และได้สินค้าจริง ๆ ซึ่งเว็บบอร์ดนี้ บางครั้งจะช่วยให้ร้านของคุณดูน่าเชื่อถือขึ้นมากทีเดียว
    โดยเฉพาะถ้ามีลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าไปแล้ว และมาพูดชมสินค้า หรือบริการของร้านคุณในเว็บบอร์ด
    ก็จะทำให้ลูกค้าใหม่ที่เข้ามาที่ร้านของคุณ แล้วมาเจอกระทู้นี้ เกิดความเชื่อมั่นในร้านค้าของคุณมากขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว
  4. มีช่องทางให้ลูกค้าติดต่อสอบถามให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น e-mail, เบอร์มือถือ,
    โทรศัพท์, แฟกซ์, เว็บบอร์ด… อย่างน้อย ๆ เวลา
**********
สินค้าดูไม่น่าสนใจ การที่สินค้าดูไม่น่าสนใจนั้น เกิดจากสาเหตุเช่น
  1. รูปถ่ายสินค้า (Product Photo) ไม่ชัดเจนเพียงพอ.. ภาพถ่ายของสินค้านี่สำคัญเลยครับ
    หากคุณขายของผ่านเน็ต คนซื้อสามารถสัมผัสได้เพียงแค่ “ภาพ” และ “เสียง”
    ของสินค้าเท่านั้น ถ้าภาพสินค้าดูหม่น ๆ มืด ๆ ก็อาจจะทำให้คนที่เห็นรู้สึกว่า
    สินค้านั้นดูไม่มีราคาเลย
  2. ไม่อธิบายรายละเอียดสินค้าให้เพียงพอ… บางครั้งคนเห็นสินค้าแต่รูป แต่ไม่รู้ว่าสินค้านี้
    มีข้อดีอะไรบ้างที่จะทำให้เขาตัดสินใจซื้อ เขาก็อาจจะไม่สนใจสินค้าเลย
วิธีการเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้า สามารถทำได้ดังนี้ครับ
  1. ให้ความสำคัญกับภาพสินค้าซักหน่อย หาองค์ประกอบดี ๆ มาวางถ่ายคู่กับสินค้า
    หรือตกแต่งภาพซักนิดก่อนนำภาพสินค้ามาลง เพียงเท่านี้ ก็ทำให้สินค้าของคุณดูน่าสนใจขึ้นมากเลยทีเดียว
  2. เขียนคำอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าให้เพียงพอครับ ทางที่ดี คุณควรจะมีการเปรียบเทียบคุณสมบัติของสินค้า
    หรือมีวิธีการแนะนำสินค้าอย่างละเอียด ให้ลูกค้าได้อ่านทำความเข้าใจ เป็นการประกอบการตัดสินใจซื้อที่ดีครับ
  3. ถ้าเป็นไปได้ เปิดช่องให้ลูกค้าได้วิจารณ์เกี่ยวกับสินค้าครับ เพราะคำวิจารณ์สินค้าดี
    ๆ ก็ช่วยให้สินค้าดูน่าเชื่อถือ และช่วยในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้มีมากขึ้น
  4. มีโปรโมชั่นบ้างครับ เช่น ซื้อ 2 แถม 1 หรือ สะสมแต้มเพื่อซื้อสินค้าในราคาลดลงในอนาคต
    หรือ ประมูลสินค้า… โปรโมชั่นดี ๆ จะดึงดูดใจให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้ามากขึ้น
  5. นำเสนอภาพสินค้าที่ต้องการขาย หรือสินค้าจูงใจให้เด่น ๆ ครับ สินค้านี้ควรจะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปสนใจ
    และสะดุดตาเมื่อพบเห็น โดยสอดแทรกภาพสินค้าอื่น ๆ หรือมี link ที่ทำให้คนเข้าไปเห็นภาพสินค้าอื่น
    ๆ ด้วย ก็จะทำให้สินค้าอื่น ๆ ได้รับการพบเห็นมากขึ้นด้วย
ลองปรับเปลี่ยนตามคำแนะนำข้างต้นดูนะครับ เชื่อผมเถอะว่า ช่วยให้ร้านค้าของคุณขายดีขึ้นแน่นอน
————————————————————————————————————————————
4. การขายสินค้าออนไลน์ มีปัญหาอะไรบ้าง?
ปัญหาในการขายสินค้าออนไลน์นั้นมีมากมาย แล้วแต่คนที่พบเจอ แต่หลัก ๆ แล้ว เท่าที่พบส่วนใหญ่ก็คือ
  1. ลูกค้าสั่งแล้ว ไม่จ่ายเงิน - มีหลายร้านค้าเลยทีเดียว ที่เพิ่งเปิดร้าน
    แล้วต้องการสร้างเครดิตร้านตัวเองให้ดี ๆ ก็เลยรีบส่งสินค้าให้ลูกค้า (ทั้ง ๆ
    ที่ลูกค้ายังไม่ได้โอนเงินมาให้เลย) มีจริง ๆ ครับ ร้านที่ทำแบบนี้ และลูกค้าที่สั่งแล้วไม่ยอมโอนเงินมาให้…
    ถ้าคุณเพิ่งเปิดร้าน อย่าไว้ใจลูกค้าเกินไปครับ ควรแน่ใจเสียก่อนว่าเขาโอนเงินมาให้แล้ว
    ค่อยส่งของให้ดีกว่าครับ
  2. ส่งของผิด - ไม่ว่าจะเป็นส่งไม่ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ หรือส่งผิดสถานที่
    ปัญหาแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าเราจะคิดว่าเป็นปัญหาเล็ก ๆ ก็ตาม แต่บางครั้งพอเกิดขึ้น
    นอกจากเสียเครดิตจากลูกค้าแล้ว การตามสินค้าคืนนั้น ก็ลำบาก เสียเวลา และอาจจะทำให้กำไรหายไปเลยก็มี
    ฉนั้น ก่อนจะส่งของ ควรยืนยันกับลูกค้าให้แน่นอน ว่าเขาสั่งสินค้านั้น ๆ มาแน่แล้ว
    และสถาที่ส่งสินค้า คือที่นั่น ที่นี่ เพื่อความแน่ใจก่อนส่งสินค้า และที่สำคัญ
    เก็บหลักฐานการส่งสินค้า (เช่นใบเสร็จ EMS) ไว้ให้ดีครับ จนกว่าว่า สินค้าจะไปถึงมือลูกค้าแน่แล้วจริง
    ๆ เพราะไม่แน่ว่า ถ้ามีปัญหาสินค้าถูกตีคืนกลับมา คุณก็ยังเอาใบเสร็จไปขอรับของคืนได้
  3. ลูกค้าส่งของกลับ บอกว่าตำหนิ และขอเปลี่ยน - เจอบ่อยครับ คุณควรจะตรวจสอบสภาพสินค้าก่อนส่งนะครับ
    ให้แน่ใจว่าไม่มีตำหนิ แล้วก็บรรจุในบรรจุภัณฑ์กันกระแทกเสียหายให้ดีที่สุด จะได้แน่ใจว่าปัญหามาจากการขนส่ง
    หรือลูกค้าทำเอง
  4. อย่าพยายามขายสินค้าแบบเก็บเงินปลายทางครับ - เจอบ่อยเช่นกัน ลูกค้าหัวใส
    ขอดูสินค้าก่อนจ่ายเงิน พอเปิดมาเห็นสินค้าไม่ถูกใจ ไม่เอาซะอย่างนั้น อันนี้เราก็แบกภาระค่าขนส่งไปเต็ม
    ๆ อย่าประมาทครับ เราควรมีภาพถ่ายสินค้าที่ชัดเจน ให้ลูกค้าได้เห็นมากพอที่จะตัดสินใจซื้อจะดีกว่าครับ
จริง ๆ แล้วปัญหายังมีอีกมากมาย แล้วแต่ชนิดของสินค้า และความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ฉนั้น สิ่งที่อยากแนะนำก็คือ เราควรมีกฎระเบียบในการขายที่ชัดเจนให้ลูกค้าทราบขั้นตอนการซื้อ
และมีการตรวจสอบการสั่งซื้อให้แน่ชัดตั้งแต่ตอนสั่งซื้อไปจนถึงส่งของ รวมถึงการตรวจเช็กสภาพสินค้าก่อนส่ง
เพราะข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดความเสียหายที่น่าเหนื่อยใจตามมากมากมายก็ได้ครับ
ครั้งหน้า ผมจะมาเขียนถึงเทคนิคการทำการตลาดออนไลน์ เืพื่อสร้างยอดขาย หวังว่าเพื่อน
ๆ คงติดตามมาชมกันอีกนะครับ
ขอบคุณมากครับ
(webmaster@sabuyjaishop.com)
——————————————————–
สนใจขายสินค้าออนไลน์ เปิดเว็บร้านค้า ออนไลน์ ฟรี ได้ที่ http://www.sabuyjaishop.com
sabuyjaishop.com >> แหล่งช๊อปปิ้ง แฟชั่น นาฬิกา จิวเวอรี่ เครื่องประดับ
เครื่องสำอาง พระเครื่อง รถ อาหาร อาหารเสริม มือถือ เสื้อผ้าแฟชั่น mp4 กล้องดิจิตอล
รถ คอมพ์ ของเล่น และอื่น ๆ อีกมากมาย
ดูละครล่วงหน้าก่อนฉาย มนต์รักข้าวต้มมัด ลีซาน สาปภูษา สุสานภูเตศวร เมียหลวง
มือนาง ที่นี่ >> http://www.sabuyjaishop.com/ssz/lakorn.aspx

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น